ดูหนังฝรั่ง ดูหนังออนไลน์ฟรี
ดูหนังฝรั่ง Eternals ตำนานวีรบุรุษพลังเทวดา ข้างหลังอีเทอร์นอลส์ปฏิบัติหน้าที่มานับพันปีก็ถึงเวลาแยกย้ายเดินทางไปดำเนินชีวิตตามวิถีของแต่ละคนโดยหนังเลือกให้พวกเราไปจุดโฟกัสที่ เซอร์ซี (เจมมา ระเบียง Gemma Chan) อีเทอร์นอลส์ซึ่งสามารถเปลี่ยนสสารของทุกสิ่งได้ ซึ่งตอนนี้คุณเปลี่ยนเป็นข้าราชการในพิพิธภัณฑสถานในลอนดอนแล้วก็เริ่มคบกับ เดน ไวต์แมน (คิต แฮริงตัน Kit Harington) สหายร่วมงานของคุณแต่ว่าแล้วเมื่อเหล่าดีเวียนต์ปรากฎตัวเป็นครั้งแรกในรอบพันปี
เซอร์ซี สไปร์ต (ไลอา แม็กฮิวจ์ Lia McHugh) ผู้มีพลังในล่องหนแล้วก็ใช้มีดเป็นอาวุธ และก็อีติดอยู่ริส (ริชาร์ด แมดเดน Richard Madden) ผู้สามารถทะยานฟ้ารวมทั้งยิงลำแสงพิฆาตจากตาได้จำต้องรวมพลกับเหล่าอีเทอร์นอลส์อีกทีเพื่อประมือกับภัยร้ายระลอกใหม่ที่มีโลกทั้งยังใบเป็นพนันจะว่าไปแล้วลักษณะเด่นที่สุดของอีเทอร์นอลส์นอกเหนือจากการเป็นซูเปอร์ฮีโรกรุ๊ปแรกที่มีสถานะเทวดาต่อจากธอร์แล้ว อีกจุดที่จำเป็นต้องกล่าวถึงเป็นการพยายามเชื่อมโยงความเป็นฮีโรกับประวัติศาสตร์และก็ความเป็นคน
กระทั่งบอกได้ว่าเมื่อหนังเดินเรื่องไปสิ่งที่จำเป็นกว่าภารกิจที่จะต้องกำจัดดีเวียนต์เป็นการถามต่อตัวเองว่า ดูหนังฝรั่ง โดยความเป็นจริงแล้วมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรจะรักษาไว้หรือเปล่าคำบอกเล่าหนึ่งของ เอแจ็ก นักแสดงที่สวมบทบาทโดยซัลมา ฮาเยค (Salma Hayek) ที่ชูเหตุว่าธานอสดีดนิ้วแล้วเอาราษฎรครึ่งจักรวาลหายไปกับตา แต่ว่ามนุษย์คนหนึ่งยอมพลีชีพ (เอ๋ยถึงไอรอนแมนในหนัง ‘Avengers Endgame’) ดีดนิ้วเพื่อนำคนกลับมา คุณเลยเห็นค่าของคนเราแล้วก็อยากได้คุ้มครองปกป้องมนุษย์จากแนวทางของหัวหน้าของคุณแม้ว่าจะขัดกับเจตนารมย์ที่เหล่าอีเทอร์นอลส์ถูกส่งมายังโลกก็ตาม
ซึ่งมันทำให้บทหนังที่วัวลอี้ เจา (Chloé Zhao) ผู้กำกับของหนังร่วมเขียนดูเหมือนให้ความใส่ใจกับการเรียนรู้ผู้แสดงมากยิ่งกว่าภารกิจเสมือนหนัง MCU เรื่องอื่นรวมทั้งถึงแม้คุณจำเป็นจะต้องใช้กลไกอันซ้ำจากจำเจสำหรับในการบอกแหล่งที่มาของผู้แสดงด้วยฉากแฟลชแบ็กจนถึงทำให้น้ำหนักระหว่างภารกิจที่จะต้องประมือกับดีเวียนต์มองเป๋ไปบ้าง แต่ว่าในทางตรงกันข้ามมันกลับชี้ให้เห็นว่าถึงแม้อีเทอร์นอลส์จะถูกกำหนดให้มีสถานะไม่แตกต่างจากเทวดาที่คนเทิดทูนบูชาแต่ว่าความเป็นคนล้วนๆเลยที่ขับหนังให้มีมิติของดราม่าที่น่าดึงดูด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสำคัญความไม่สมบูรณ์แบบที่เหล่าอีเทอร์นอลส์แต่ละคนจะต้องมาแก้เงื่อนของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีรักสามเส้าของเซอร์ซีกับสไปร์ตที่มีอิค้างริสเป็นศูนย์กลาง ที่ข้างแรกรอคอยคู่รักที่ถึงกับสมรสกันเป็นทางการกลับมาครอบครองคู่นับพันปี ขณะที่ฝ่ายหลังถูกผลิตให้ร่างกายเป็นเด็กจนกระทั่งข้างชายไม่เคยดูคุณในฐานะสตรี และก็ถึงแม้หัวข้อนี้จะถูกผุดขึ้นมาแบบไม่มีความเป็นมาคล้ายกับพลอตรองเจ้าปัญหาอีกล้านแปดซึ่งนำมาซึ่งการทำให้หนังมองมีพล็อตรองอันอีนุงตุงนัง
เช่นหัวข้ออาการทางใจของ ธีที่นา (สวมบทบาทโดย แองเจลิท้องนา โจลี Angelina Jolie) นางงามการศึกที่จำต้องได้รับการดูแลจากกิลกาเมช (รับบทบาทโดย มาดงซ็อก) อีเทอร์นอลส์จอมพลัง หรือหัวข้อการหมดเลื่อมใสมนุษย์แล้วก็การเริ่มความข้องเกี่ยวในสถานะ LGBTQ+ ของ ฟาสโตส (สวมบทโดยไบรอัน ไทรี เฮนรี Brian Tyree Henry) อีเทอร์นอลส์นักคิดค้น ที่อาจจะทำให้ผู้ชมหลายท่านอารมณ์เสียรวมทั้งมีความคิดว่าหนังแวะข้างทางบ่อยครั้งอย่างยิ่งแม้กระนั้นกลุ่มนี้ล้วนแสดงเจตจำนงกระจ่างว่าหนังภายใต้การดูแลของเจา
หาใช่หนังมาร์เวลที่เหล่าฮีโรจะมาปลดปล่อยลำแสงเฮ้ากวงเสมือนที่ผ่านๆมาไม่ แม้กระนั้นมันเป็นการนำผู้ชมไปรู้จักกับมุมมองความเป็นคนของแต่ละคนซึ่งมิได้มีด้านที่เพอร์เฟกต์และไม่ได้มีเพียงแค่การหนุนไว้ซึ่งความดีเลิศอันหยาบแม้กระนั้นซึ่งก็คือการใช้หลักมานุษยวิทยามาเบาๆชี้แจงเหตุผลจนถึงพวกเราได้มองเห็นพวกเขาจะต้องสู้ศึกตั้งแต่ศัตรูข้างนอกอย่างเหล่าดีเวียนต์จนกระทั่งการสู้รบตบมือกับจิตวิญญาณตนเองฉะนั้นการแลกเวลาร่วม 1 ใน 3 ของหนังไปกับฉากแฟลชแบ็กที่มีเหตุประวัติศาสตร์ที่ผู้คนจำนวนมากอาจมองว่าน่าเบื่อรวมทั้งเกือบจะไม่แตะต้องหัวข้อหลักของเรื่องไปๆมาๆกกว่าการประมือกับดีเวียนต์ครั้งที่ผ่านๆมา
โดยความเป็นจริงแล้วหนังราวกับพากเพียรเขียนปูมประวัติศาสตร์ของตนเอง ดูหนังฝรั่ง ในฐานะปฐมกาลของเหล่าฮีโร ซึ่งแน่ๆว่ามันเต็มไปด้วยเนื้อหาหลายประเภทรวมทั้งเปี่ยมด้วยอารมณ์ความหวั่นไหวของเหล่าอีเทอร์นอลส์จนถึงพูดได้ว่านี่อาจจะเป็นหนังมาร์เวลที่เข้าขั้นสโลว์เบิร์น (Slow Burn) อย่างกับหนังเอวีตเฮาส์ที่สุดก็ไม่ผิดนักและก็เมื่อไตร่ตรองว่าในบรรดาเทวดาทั้งผองเพราะเหตุใด มาดงซ็อก
จะต้องมารับบทกิลกาเมซที่ชื่อมิได้เป็นเอเซียเลย เพราะเหตุใดควรจะมีผู้แสดงเป็นคนใบ้อย่าง มัคคารี (สวมบทบาทโดยลอเรน ริดลอฟฟ์ Lauren Ridloff) หรือมีบทของคนประเทศอินเดียอย่าง คูมาลิ นานจานี (Kumail Nanjiani)รวมทั้งฮาริช พาเทล (Harish Patel) ในบทคิงโกแล้วก็ผู้จัดการศิลปินก็ยิ่งแจ่มแจ้งเลยว่าเจาต้องการที่จะให้พวกเราดูความเป็นคนในโลกภาพยนตร์ที่มีมากยิ่งกว่าฝรั่งสวยอันเป็นจารีตของฮอลลีวูดรวมทั้งมันยังตอบปัญหากับการนำเสนอความเป็นคนนิยมอย่างที่หนังอยากได้ได้อีกด้วย
Samaritan วายร้ายจึงผงาดอีกครั้ง
เมื่อ 25 ปีกลายโลกมีฝาแฝดเหนือมนุษย์ที่เลือกทางเดินคนละทางจนกระทั่งจะต้องฟาดฟันกัน ฝั่งหนึ่งต้องการช่วยเหลือผู้คนแต่ว่าอีกฝั่งต้องการทวงแค้นสังคมที่เคยเฉดหัวไล่พวกเขา ดูหนังฟรี การเผชิญหน้ากันคราวนั้นทำให้ฝั่งตัวร้ายตายรวมทั้งฮีโรฝั่งดีก็หายสูญไปนับตั้งแต่นั้น จนกระทั่งตอนนี้ผู้คนกรุ๊ปหนึ่งก็ยังเชื่อถือรวมทั้งตามหาเขาอยู่ตลอด แซม เด็กผู้ชายวัย 13 ปี ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการหาตัวตนของซูเปอร์วีรบุรุษของเมืองแกรนิตสิตี้ ที่ถูกกล่าวขวัญถัดมากันนับเป็นเวลาหลายปี อย่าง ซามาริทัน แล้วก็เมื่อเขาได้พิจารณารวมทั้งเก็บแนวความคิดต่างๆก็พบว่า โจ สมิธ
คนเก็บขยะวัยแก่บ้านพักอยู่อะพาร์ตเมนต์ฝั่งตรงข้าม ดูหนังฝรั่ง เข้าเกณฑ์ที่ทำให้แซมสงสัยว่าเขาคนนี้จะเป็นวีรบุรุษที่หายไปภายหลังเหตุการสิ้นไปเมื่อ 20 กว่าปีกลาย และก็ขณะนี้เมืองที่เริ่มเน่าเฟอะด้วยอาชญากรรมมากขึ้นทุกๆวันๆมันยิ่งสนับสนุนทำให้แซมมีแพสชั่นที่ต้องการจะปลุกพลังให้ ซามาริทัน กลับมาผงาดแล้วก็ตระเตรียมเมืองนี้ให้สะอาดน่าอยู่เพิ่มขึ้นเป็นหนังที่น่าจับตาตั้งแต่แมื่อมองเห็นหน้าหนังแล้ว เพียงแค่ว่าเป็นหนังของ สิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) ยอดนักบู๊ในสมัยหนึ่งที่แม้ว่าจะโรยราแม้
กระนั้นก็ยังส่งผลงานแนวแอ็กชันให้ได้ดูไม่ขาดอย่างปัจจุบันเป็น ‘Rambo: Last Blood’ (2019) ยิ่งเพียงพอหายจากหน้าจอไปยาวนานหลายปีแบบนี้ การกลับมาเลยน่าดึงดูดทุกคราว แถมยังเป็นหนังพลอตซูเปอร์ฮีโรวัยเกษียณในสมัยที่หนังฮีโรครองเมืองแบบนี้ก็ยิ่งน่าดึงดูดผลงานการควบคุมของ จูเลียส เอเวอรี (Julius Avery) ที่เคยส่งผลงานเด่นแบบโหดเหี้ยมเข้มในหนังซอมบี้ที่นาซีเรื่อง ‘Overlord’ (2018) ซึ่งแม้ว่าจะมิได้ขึ้นหิ้งแต่ว่าก็น่าจับตาดูให้ติดตามผลงานต่อไม่น้อย ยิ่งหัวข้อนี้ได้มือเขียนบทอย่าง บราจี เอฟ. ยกต (Bragi F. Schut)
ที่เคยส่งผลงานอย่าง ‘Escape Room’ อีกทั้ง 2 ภาค รวมทั้งโทรทัศน์ซีรีส์แฟรนไชส์ ‘Ninjago’ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นมือเขียนบทที่มีไอเดียที่เชิญติดตาม ก็นับว่าน่าดึงดูดทีเดียวสำหรับการจับคู่กันคราวนี้หนังดำเนินเรื่องผ่านสายตาของเด็กผู้ชายที่ชื่อ แซม แสดงนำโดยเจ้าหนู เจวอน ‘วอนที่นา’ วอลตัน (Javon ‘Wanna’ Walton) จาก ‘The Umbrella Academy’ ซึ่งเขาบ้าใคล้ในเรื่องเล่าของสองลูกพี่ลูกน้องยอดมนุษย์แฝดนาม ซามาริทัน รวมทั้ง เนเมสิส กระทั่งส่งผลให้เกิดการแอบติดตามคนเก็บขยะเฒ่านามว่า โจ ที่น่าสงสัยว่าเป็นซามาริทันในสมัยก่อน
แม้ว่าจะไม่ใช่หนังในจักรวาลซูเปอร์วีรบุรุษที่เปรี้ยงปังอยู่ในช่วงเวลานี้ แม้กระนั้นก็ถือว่าเป็นจุดกำเนิดที่ท้าของเขา รวมทั้งผลงานประเด็นนี้เขาก็ทำออกมาได้ค่อนข้างจะถูกใจในระดับหนึ่ง จัดว่าถ่ายทอดวิสัยทัศน์และก็ใส่ลายเส้นความเป็นหนังแอคชั่นที่มีโทนแน่วแน่เด็ดขาดเข้าไปเป็นเอกลักษณ์ได้อยู่ ถึงแม้หลายๆส่วนประกอบในนี้จะยังขาดหายไปพอเหมาะพอควรก็ตามหนังปูภูมิหลังเรื่องซูเปอร์ฮีโรนี้ให้พวกเราแต่แรกเริ่มผ่านบทเล่าเหมือนนิทานในสายตาของแซม ซึ่งดีตรงพวกเรารู้เรื่องมิติผู้แสดงได้เร็ว
ทั้งยังเงื่อนดราม่าว่าพวกเขาในวัยเด็กเคยถูกเกลียดจากผู้คนด้วยเหตุว่าพลังที่มากกว่าคนสามัญ ดูหนังฝรั่ง จนกระทั่งนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการยืนขึ้นฮือไล่แล้วก็จบด้วยความตายของคุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ของพวกเขาในเหตุอัคคีภัย ทำให้เนเมสิสเลือกทางที่จะชำระแค้นผู้คนแล้วก็จะต้องปะทะกับซามาริทันที่เลือกทางช่วยเหลือผู้คน ราวกับสีขาวกับสีดำ กระทั่งเนเมสิสได้สร้างอาวุธที่ความแค้นขึ้นมาเป็นค้อนซึ่งสามารถฆ่าซามาริทันได้ เอามาสู่ข้อสรุปแสนซึมเซาที่เนเมสิสตาย ส่วนซามาริทันก็เศร้าใจรวมทั้งล่องหนไปนับจากนั้น
การเอาเด็กมาจับคู่กับฮีโรปลดเกษียณที่สมัยก่อนมีเงื่อนและก็ปัจจุบันนี้ไม่ต้องการที่จะอยากยุ่งเรื่องของคนใดอีกแล้ว บางทีอาจไม่ใช่พล็อตใหม่มาก คิดไวๆก็บางทีอาจคาดหมายไปหนังดราม่าเข้มๆแบบ ‘Logan’ (2017) หรือหากไปทางหนังครอบครัวก็มีอีกหลายเรื่องเลยที่พอเพียงเทียบเคียงได้โดยแผลงไปทางอสูรกายบ้าง มนุษย์ดาวอื่นบ้าง ซึ่งยกตกับเอเวอรีก็ทราบดีพวกเขามีทางเลือกการนำเสนอล้นหลาม ให้เป็นหนังดราม่ากล่าวถึงเรื่องคนวัยชราผ่านมุมมองของโจก็ได้ ให้ไปทางหนังแฟนตาซีชวนขันผ่านสายตาแซมก็ได้ หรือจะไปทางหนังซูเปอร์ฮีโรความนิยมระเบิดเถิดเทิงหรือธริลเลอร์เข้มข้นชักชวนตั้งปัญหาก็ได้ แต่ว่าสิ่งที่ผู้ผลิตหัวข้อนั้นน่าดึงดูดทีเดียว
พวกเขามีธีมที่ต้องการพรีเซ็นท์อยู่ในเรื่องของอะไรเป็นสีขาวหรือสีดำ ทุกคนต่างมีเหตุมีผลสำหรับเพื่อการทำรวมทั้งจำเป็นต้องสารภาพผลปรากฏว่า มนุษย์ล้วนเทาและไม่ได้ยึดมั่นเฉดใดเฉดหนึ่งไว้กับตัวตลอดชีพ ในระยะเวลาหนึ่งเขาบางทีอาจเทาเข้มในตอนหนึ่งเขาบางทีอาจเทาอ่อนมากมายๆและก็เมื่อหนังมีธีมแบบนี้มันก็เลยบางทีอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะย้ำศิลปินนักบู๊ที่ดูดราม่าได้แล้วก็มีความเก๋าให้คนนับถือพอใช้อย่างสตอลโลน ซึ่งก็จะต้องสารภาพว่าบารมีของพ่อเอ็งยังดำเนินงานก้าวหน้าสายตาระทดๆนิ่งๆแต่ว่าน่านับถือยังแบออกมาจากการแสดงของมึงได้ดิบได้ดี เมื่อเข้าคู่กับศิลปินเด็กที่มาแนวแก่นแก้วดื้อรั้นแม้กระนั้นยังพอน่ารักก็ทำให้หนังมีเคมีที่ดีได้ ในแนวหนังดราม่าผสมแนวครอบครัวนิดๆ
ถึงแม้กลุ่มสร้างจะใช้แรงจูงใจจากหนังฮีโรไม่สวมชุดเกราะอย่าง ‘Unbreakable’ (2000) แต่ว่ามันก็มีฐานที่แตกต่างที่ประเด็นนั้นเอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (M. Night Shyamalan) เบาๆเชิญชวนให้ผู้ชมต้องการทราบและก็สงสัยเต็มไปด้วยกลิ่นแบบคอมิกผสมธริลเลอร์ แต่ว่าในหัวข้อนี้ทั้งหมดทุกอย่างมันชัดเจนพอสมควร ทำให้ผู้ผลิตเองก็ต้องหาอะไรมาดึงความพึงพอใจเพิ่มเติมอีกซึ่งมันยังไม่ดีเพียงพอ
แม้ว่าจะมีลักษณะเด่นที่ก็ดีแล้วอีกทั้งธีมแล้วก็เคมีผู้แสดง ดูหนังฝรั่ง แต่ว่าปัญหาที่มีเป็นหลายสิ่งหลายอย่างมันมองฝ่าฝืน ยิ่งวางแบบของนักแสดงฮีโรในชุดเกราะเหล็กที่ว่ากันตามจริงมันโบราณและก็เชยมากมายอย่างกับไปลอกฮีโรคนดำเรื่อง ‘Steel’ (1997) มายังยังไงแบบนั้น การผลิตอาวุธค้อนที่พล็อตราวกับแหวนของเซารอนก็มองเป็นอะไรที่แออัดยัดเยียดเข้ามาแบบไม่กลืนกับเรื่องแถมไม่เท่อีก พลังของยอดมนุษย์ก็มีเพียงแค่พลังเหนือมนุษย์กับความอึดและก็ฟื้นได้ไวมันปกติอย่างมากในด้านภาพ กลุ่มนี้เป็นจุดบกพร่องเมื่อใคร่ครวญว่ามันวางตัวยอดเยี่ยมในหนังฮีโรยุคตอนนี้อันมองเห็นได้จากออกแบบฉากแอ็กชันแล้วก็การดำเนินเรื่องต่างๆ
Fire of Love ทัณฑ์รักจากลาวา
Kraffts ซึ่งเติบโตขึ้นมาใน Alsace ประเทศฝรั่งเศส และก็เจอกันที่ University of Strasbourg ได้อุทิศให้กันและกันรวมทั้งปราชัยต่อ Etna, Stromboli, Nyiragongo รวมทั้งจุดแปรผันอื่นๆจากที่ภาพยนตร์ประเด็นนี้บอก — รวมทั้งการสัมภาษณ์บันทึกเหตุการณ์แล้วก็การออกอากาศการันตี — ความพอใจด้วยกันของพวกเขาไม่ใช่แค่เรื่องอาชีพ มันเป็นความคลั่งไคล้ที่ใช้เวลาและก็ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตสุดท้ายMaurice เป็นนักธรณีวิทยารวมทั้ง Katia เป็นนักพสุธาเคมี รวมทั้งความต่างระหว่างสาขาวิชาพวกนั้นก็เป็นสาเหตุของอารมณ์ขันทึ่มๆเป็นบางครั้ง Maurice นักธรณีวิทยาชี้แนะว่าเป็นผู้ที่พายเรือแคนูที่พองได้ลงไปในทะเลสาบที่มีกรดซัลฟิวริก
ขณะที่นักปฐวีเคมีมีความรู้สึกที่ดีที่จะอยู่บนริมตลิ่งเพื่อกระทำวัดรวมทั้งเก็บเนื้อเก็บตัวอย่าง ดูหนังฝรั่ง คำพรรณนาที่อ่านโดยไม่แรนดา กรกฏาคม ย้ำถึงความต่างทางอารมณ์ระหว่างนักวิทยาศาสตร์ที่ดูอย่างกับว่าได้รับการรับรองจากรูปภาพ Katia ที่มองเหมือนนกรวมทั้งน่าหัวเราะ รอติดตามข้อมูลรวมทั้งถ่ายรูปนิ่ง เวลาที่ Maurice ซึ่งมีลักษณะเหมือนลูกสิงโตหัวหยิก เล่าในที่ส่วนรวมแล้วก็ใช้กล้องที่มีไว้ถ่ายรูปยนตร์
มองผิวเผินก็บางครั้งก็อาจจะมองเป็นสารคดีอีกหนึ่งเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับภูเขาไฟ การเขยื้อนของเปลือกโลก อันตรายของลาวา อื่นๆอีกมากมาย อะไรประเภทนี้ แต่ว่าเพียงพอฟังชื่อไทยที่ตั้งอย่างละมุนว่า ‘โทษรักจากลาวา’ พร้อมด้วยจั่วหัวว่า นี่เป็นเรื่องราวชีวิตเกี่ยวกับคู่สมรสคู่หนึ่งที่อุทิศชีวิตให้กับภูเขาไฟ อุทิศอีกทั้งจิตวิญญาณและก็ความรักให้กับการเล่าเรียนและก็เก็บภาพภูเขาไฟ แล้วก็อุทิศชีวิตในอุบัติเหตุภูเขาไฟ ก็ชักชวนให้คิดถึงเรื่องราวเรื่องเศร้าลักษณะเดียวกันกับ ‘โรมีโอรวมทั้งจูเลียต’ ที่ใช้ความตายมาเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ที่รักของทั้งสอง
แต่ว่าไม่ว่าจะรำลึกถึงใดๆแม้กระนั้น สารคดีหัวข้อนี้ก็มีความน่าดึงดูดใจมากมายๆตรงที่เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ว่าด้วยเรื่องของ มอริซ ครั้งฟท์ (Maurice Krafft) แล้วก็ ค้างเทีย คราวฟท์ (Katia Krafft) คู่ชีวิตนักภูเขาไฟวิทยา (Volcanologists) ชาวประเทศฝรั่งเศส ทั้งสองอุทิศชีวิตให้กับการเดินทางเพื่อไล่เก็บบันทึกภาพปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติอันน่าหลงไหลและก็อันตรายของภูเขาไฟทั่วทั้งโลกอย่างเป็นเวลานานกว่า 20 ปี ก่อนที่จะพวกเขาจะสิ้นชีวิตในเรื่องราวภูเขาไฟระเบิดที่ญี่ปุ่นในปี 1991 เหลือไว้เพียงมรดกองค์วิชาความรู้ด้านภูเขาไฟที่ทั้งสองบันทึกเอาไว้ผ่านหนังสือ
ฟุตเตจฟิล์มถ่ายรูป 16 มิลลิเมตร ความยาวนับร้อยชั่วโมง ดูหนังฝรั่ง รวมทั้งภาพนิ่งนับพันช็อต และก็ได้ผู้แสดงแล้วก็ผู้กำกับอย่าง ไม่แรนดา จูลาย (Miranda July) มาเป็นผู้พูดบรรยายได้รับเสียงวิภาควิจารณ์ดีในหลายๆเว็บไซต์ตัวสารคดีรับหน้าที่ดูแลรวมทั้งเรียบเรียงโดย ซารา โดซา (Sara Dosa) ที่เอาฟุตเตจ ภาพนิ่งที่เป็นมรดกของทั้งสอง มาปะติดปะต่อร้อยเรียงกับเสียงสัมภาษณ์ของทั้งสองตอนมีชีวิต ผสมกับการเล่าเรื่องด้วยแอนิเมชัน เสียง Foley มาประติดประต่อกันได้อย่างพอดี กระทั่งสามารถเอารางวัลลำดับภาพเยี่ยมยอด
จากเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปีปัจจุบัน (Sundance Film Festival 2022) ก่อนที่จะค่าย National Geographic Documentary Films จะซื้อสิทธิ์ไปขายทั้งโลก ที่น่าตกตะลึงอีกอย่างก็คือ คะแนน Tomatometer ของเว็บ Rotten Tomatoes ที่ไต่ระดับได้ตั้ง 99% กันเลยสิ่งที่นับว่าเป็นเสน่ห์ของหนังประเด็นนี้ ก็คงจะเป็นการร้อยเรียงฟุตเตจภูเขาไฟที่ทั้งสองทิ้งไว้ให้นี่แหละครับผม แล้วก็ที่สำคัญเป็น ตัวสารคดีไม่มีการเติมบทสัมภาษณ์แบบ Talking Head ราวกับที่เคยชินลงไปเลย มีเพียงแค่เรื่องราวแล้วก็เสียงจากฟุตเตจถูกเอามาร้อยเรียงให้ถูกจังหวะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เลียบๆเคียงๆไปกับเสียงชี้แจงของจูลายเบาๆเล่าผ่านการเดินทางไปตามล่าภูเขาไฟดังที่ต่างๆและก็เล่าความเกี่ยวข้องของทั้งสองอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปด้วยน้ำเสียงเรียบและไม่แย่งซีน ประโยคไหนที่เอามาจากใจความในหนังสือ ก็ใช้แนวทางเอาชายหญิงชาวประเทศฝรั่งเศสมาอ่านภาษาประเทศฝรั่งเศสแบบเซอร์ๆกันไปเลย และก็หลายคราตัวหนังก็เลือกที่จะปลดปล่อยให้ผู้ชมเห็นภาพความใหญ่โตของภูเขาไฟจากฟุตเตจแบบดิบๆโดยที่ไม่ใส่เสียงอะไรลงไปก่อกวนเลยแม้แต่น้อย
แล้วเนื่องจากว่าทั้งสองเองจริงๆก็มิได้นับว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์สุดกำลัง ดูหนังฝรั่ง แม้กระนั้นเป็นนักภูเขาไฟวิทยาที่มีภารกิจสำหรับเพื่อการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างมาศึกษา และก็เก็บภาพภูเขาไฟ (หรือถ้าหากยุคนี้คงจะเรียกว่าเป็นนักถ่าย Stock Image สายภูเขาไฟ ไรงี้) เพื่อเอาฟุตเตจและก็ภาพนิ่งไปขาย ตัวของทั้งสองก็เลยมีมุมมองทางศิลป์ที่ดีไปด้วย เนื่องจากว่าฟุตเตจที่ปรากฏในหนังประเด็นนี้มันช่าง Cinematic จัดๆเลยขอรับ หลายช็อตพวกเราจะมีความคิดเห็นว่ามอริซเองก็คงจะได้มุมกล้องถ่ายภาพรวมทั้งกระบวนการเล่าที่มีกลิ่นแบบหนังหัวก้าวหน้าของประเทศฝรั่งเศส หรือ French New Wave อยู่พอควร จนกระทั่งหลายคราวพวกเราเองก็ลืมคิดไปว่า ไอ้ภูเขาไฟนี่มันเป็นพญาพญายมชัดๆ
Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า
หนังประเด็นนี้ได้ผู้กำกับสายแอ็กชันอย่าง เดวิด ลิตช์ (David Leitch) มากำกับให้ขอรับ ที่กล่าวว่าสายแอ็กชันก็เพราะเหตุว่างานของเขานี่เด่นไปทางหนังแอ็กชันระดับบล็อกบัสเตอร์ทั้งหมดเลย ตั้งแต่ ‘John Wick’ (2014) (ดูแลร่วมกับ แชด สตาเฮลสกี (Chad Stahelski)) ‘Atomic Blonde’ (2017), ‘Deadpool 2’ (2018) รวมทั้ง ‘Fast & Furious: Hobbs & Shaw’ (2019) ละไม่ทราบว่าบังเอิญหรือตั้งมั่น เพราะว่าผู้แสดงนำฝ่ายอย่าง กางรด พิตต์ (Brad Pitt) และก็ แซนดรา บุลล็อก (Sandra Bullock) ที่เคยเจอะกันไปแล้วในหนัง ‘The Lost City’ (2022)
ก็หวนกลับมาเจอะกันอีกทีในหนังหัวข้อนี้ด้วยครับ คราวที่แล้ว พิตต์ไปรับเชิญให้หนังของบุลล็อก คราวนี้บุลล็อกก็เลยมารับเชื้อเชิญให้หนังของพิตต์บ้าง ซึ่งอันที่จริงแล้วตอนแรกบทนี้เป็นของ เลดี กาก้า (Lady Gaga) แต่ว่าเสียดายที่ตารางงานพี่สาวเอ็งไปชนกับ ‘House of Gucci’ (2021) เสียก่อนเมื่อมือสังหารทั้งโลกมาเจอะกันเรื่องราวของ เลดี้บั๊ก มือสังหารพาดวงไม่ดี ที่ชะตากรรมชอบมีอะไรเซอร์ไพรส์เสมอ กับภารกิจครั้งสำคัญที่ทำให้เขาจำเป็นต้องปะทะกับมือสังหารจากทั้งโลก ทุกคนต่างมีเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกันแต่ว่าก็จะต้องประมือกันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้บนรถไฟที่เร็วที่สุด…เขาจะลงจากขบวนรถไฟได้ยังไง ที่หมายสุดระส่ำระสาย เป็นจุดเริ่มความระห่ำ
นี่เป็นผลงานปัจจุบันของผู้กำกับ “เดวิด ลิตช์” คนที่เคยสร้างตำนานให้กับ Deadpool 2 และก็บู๊สุดยอดใน Atomic Blonde โดยในคราวนี้เขายังกลับมาถือจับผลงานระดับบ็อกซ์บัสเตอร์ทุนครึ้มอีกที ด้วยการปรับเปลี่ยนเรื่องราวจากนิยายขายดิบขายดีชื่อเดียวกันของ “วัวทาโร่ อิซะกะ” ถือถือว่าผลงานชิ้นนี้เป็นงานด้านการเขียนระดับมาสเตอร์พีชในอาชีพของเขาเลยก็ว่าได้แน่ๆว่า เดวิด ลิตช์ ยังคงทราบแนวทางรวมทั้งทางสำหรับในการดีไซต์หนังแอคชั่นระห่ำที่มีพื้นที่จำกัดอยู่เพียงแต่รถไฟขบวนเดียวได้อย่างมีพรสวรรค์
ผู้ชมสามารถไว้ใจกับส่วนประกอบของฉากบู๊ต่างๆที่จัดว่าวางแบบมาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ดูหนังฝรั่ง และก็ใส่เข้าไปได้รสสัมผัสที่จัดจ้าดีไปตลอดทั้งเรื่อง นับได้ว่าเป็นอีกสิ่งที่ทำออกมาได้ไม่เสียของ แล้วก็ไปได้เกือบจะสุดทางอยู่ถึงกระนั้น Bullet Train ก็ยังเต็มไปด้วยจุดบกพร่องเล็กน้อยตามทางของหนังตลอด 2 ชั่วโมง แน่ๆว่าจุดหนึ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกยังไม่ซื้อหนังหัวข้อนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งก็คือการที่หนังขี้บ่นเหลือเกินสักนิดสักหน่อย หนังเปิดตัวมาด้วยการสนทนาปูเรื่องในตอน 30 นาทีแรก ที่ยอมรับตรงๆว่าอ้าปากห้าวไปหลายรอบ ถึงแม้บทจะส่งมุกจิกกัดชวนขันร่อออกมา แต่ไม่สามารถที่จะทำปฏิกิริยาร่วมได้สักเท่าไหร่
ขั้นแรกของๆของ Bullet Train ก็เลยมีพร้อมทั้งอารมณ์เสมือนนั่งรถไฟไม่ถูกตู้หรือไม่ถูกคลาสที่ซื้อตั๋วเอาไว้ หนังออกจะปูทางได้ไม่น่าล่อใจสักเท่าไหร่ ถึงจะใช้วิธีตัดต่อสลับฉึบฉับและก็หยอดมุกให้มองตลก แต่ยังไม่อาจจะไปถึงเป้าหมายในนั่นได้ แต่ว่าก็มีเพียงเท่านั้น เนื่องจากว่าเมื่อหนังเข้าเนื้อหาราวและก็จุดประกายของเรื่องติดได้แล้ว ก็เบาๆไหลลื่นขึ้นไปเจริญตลอดทาง
แน่ๆว่าไฮไลต์ดีเลิศของหัวข้อนี้ก็คือกลุ่มผู้แสดงนั่นเอง ถึงแม้ว่าภาพหนังจะขาย “กางรด พิตต์” ที่ผู้แสดงนำฝ่าย แม้กระนั้นจริงๆเขาก็เป็นแค่เพียงศิลปินเบอร์ใหญ่ที่สุดของเรื่องเพียงแค่นั้น เพราะเหตุว่า Bullet Train มิได้เพียงแค่ให้แต่ว่าเครื่องปรับอากาศไทม์กับกางรดเพียงผู้เดียว ยังมี “โจอี้ คิง”, “แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน” หรือ “ไบรอัน ไทรี เฮนรี” ที่ได้รับการเกลี่ยเฉลี่ยบทคละเคล้ากันค่อนข้างจะเท่าเทียมดีในหนังประเด็นนี้ แบบที่ไม่มีผู้ใดเด่นไปเหนือกว่าคนไหนกันแน่
และก็จะต้องตบมือกับพรสรรค์รวมทั้งความสามารถของแคสติ้งชุดนี้ ดูหนังฝรั่ง ที่จำเป็นต้องสารภาพเลยว่าพวกเขาเป็นจุดขับสำคัญที่ทำให้ Bullet Train เดินขบวนไปด้านหน้าได้อย่างเอ็นหน้าจอยตลอดการเดินทาง แม้ว่าจะมีจุดที่ตะปุ่มตะป่ำอยู่บ้าง แม้กระนั้นไปถึงเป้าหมายได้ไม่เป็นอันตรายดีอยู่ เคมีของดาราหนังรวมทั้งการเข้าขากันดีโดยธรรมชาติของพวกเขา เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือหนังประเด็นนี้อย่างดีเยี่ยมตัวหนังมิได้มานะจะบังคับพวกเราให้เป็นหนังแอ็กชันเครียดๆในเหตุการณ์ปิดตายที่หนีทุกข์ยากลำบากอะไรขนาดนั้นนะ
แม้กระนั้นตัวหนังเพียรพยายามจะเป็นหนังแอ็กชันหัวมมีดี้ที่ซัดกันด้วยพล็อตที่ออกจะสลับซับซ้อน จังหวะการเล่าเรื่องแบบเอามัน เอาเบียว เอาสติไม่ดีเข้าว่า แล้วก็ฉากแอ็กชันถึงเลือดถึงเนื้อ ร่ำรวยคำพูดที่ไม่สุภาพสไตล์เรตอาร์ และก็มุกขำขันที่ขนมาทุกเรตทั้งยังมุกน่ารักน่าเอ็นดู มุกไม่สุภาพ และก็แน่ๆว่าควรมีมุกจิกแซะวัฒนธรรมประเทศญี่ปุ่นขณะที่ส่วนประกอบอื่นๆก็จัดว่าน่าพึงพอใจ อีกทั้งงานวางแบบฉากแล้วก็บรรยากาศรอบๆ ที่จะต้องติดต่อสื่อสารความเป็นประเทศญี่ปุ่นออกมาทั้งยังเรื่อง
ถึงแม้ผลที่ได้ออกมาซึ่งก็คือประเทศญี่ปุ่นแบบฮอลลิวูดๆที่ชอบเน้นย้ำวางแบบแสงสีจัดจ้าไปสักนิด สล็อต rlx กับการที่ถูกใจกล่าวหากุ๊งกิ๊งกิมมิคนิดๆหน่อยๆที่เมื่อ 10 ปีเคยทำยังไงก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ ถึงกับต้องการจะไปกระซิบบอกผู้ผลิตว่า ประเทศญี่ปุ่นอย่างนี้มันค่อนข้างจะมองเลียนแบบไปสักหน่อยตอนที่บทหนังก็นับว่าลื่นไหลไปดี แม้ว่าจะมีส่วนประกอบรวมทั้งผู้แสดงที่จำต้องชี้แนะออกจะเยอะแยะก็ตาม แต่ว่าก็นับว่าบทหนังเกลี่ยไปในส่วนต่างๆได้ค่อนข้างจะน่าพอใจ บางทีก็อาจจะยังไม่ใช่การปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงบทที่ดี
แม้กระนั้นก็มิได้เข้าขั้นตกต่ำจนถึงมิได้น่าดูดูอะไรทำนองนั้น บทหนังก็ยังจัดได้ว่าเล่าไปได้สนุกสนานๆและก็เสริมกองทัพด้วยการอิมโพรไวส์ของเหล่าผู้แสดงที่ทำให้หนังออกมาเป็นธรรมชาติตัวหนังนั้นเกือบจะมีจังหวะการเล่าเรื่องเป็นของตนเอง และก็เป็นการเล่าที่เหลือร้ายมาก เนื่องจากว่าเป็นการเล่าแบบไม่แคร์อะไรอะไรก็แล้วแต่ต้องการเล่าอันไหนก็เล่า อันไหนไม่ถึงเวลาก็ยังไม่เล่า ก็เลยทำให้ตัวหนังเล่าอย่างกระชับ พาผู้ชมค่อยแกะเงื่อนคลายใจความสำคัญ เชื่อมโยงเรื่องราวและก็ความเกี่ยวเนื่องของผู้แสดงให้ผู้ชมเบาๆรู้เรื่องไปทีละน้อยๆ
ในขณะตัวหนังก็ทิ้งเงื่อนเอาไว้ให้สงสัยกันไปก่อน ดูหนังฝรั่ง จวบจนกระทั่งหนังจะกลับมาเฉลยคำตอบเงื่อนนั้นอีกที ที่ไหนที่สงสัยหนังก็ตามมาเก็บกลับแทบหมด ซึ่งโน่นก็เรียกร้องพลังการตั้งอกตั้งใจมองอยู่มากมายแบบเดียวกัน หากเผลอหลับป๊อกไปสักนาทีนี่เป็นตกขบวนแน่ๆการนำเสนอเรื่องในธีมของความบังเอิญ ชะตากรรม ดวงดีโชคร้ายของคนนี่แหละ
โดยมีนักฆ่าเลดี้บักเป็นศูนย์กลาง ก่อนที่จะเบาๆขยายออกไปเป็นธีมของเรื่องที่ไปขมวดจบตอนองก์ท้ายที่สุดได้อย่างน่าดึงดูดเลยล่ะ ถึงแม้ในอีกมุมหนึ่ง มันก็อาจทำให้พล็อตเล็กน้อยกำเนิดอาการเล่นท่าง่าย เอาเล่นง่าย เล่นบังเอิญเข้าว่า ขนาดจุดหักมุมช่วงท้ายเรื่องก็ยังหักกันแบบบังเอิญๆเลย ซึ่งก็อาจมองว่าตัวบทเอาง่ายเข้าว่าก็ได้ล่ะ แม้กระนั้นพอเพียงซูมออกมามองภาพรวม ก็เพียงพอจะเข้าหัวใจได้ว่า ตัวเรื่องมานะเจตนาจะเล่นกับชะตาชีวิตของผู้แสดงตามธีมของหนังต่างหาก